Thursday, November 21, 2013

บรรยากาศในการทำงาน

อ่านบทความที่เขียนเกี่ยวกับการเลือกทำงานในร้านกาแฟแล้วจุดประกายให้เขียนบทความนี้บ้าง

เวลาเห็นนักเขียนที่สามารถเลือกสถานที่ทำงานตามร้านกาแฟที่ชอบได้ โดยเลือกร้านที่มีคุณสมบัติตามต้องการ เช่น
ชงกาแฟเข้ม/อ่อนถูกใจ
มีบรรยากาศที่ดี
ทำเลเดินทางสะดวกตามแนวทางการเดินทาง เช่น ติด BTS/MRT หรือ มีที่จอดรถ
Free Wifi หรือ มีปลั๊กไฟ
มีอาหารคาวหวานบริการ
ช่วงราคาที่เหมาะสม

อ่านแล้วชีวิตมนุษย์เงินเดือนรู้สึกอิจฉา เพราะเหมือนจะไม่มีทางเลือกมากนัก สำหรับมนุษย์เงินเดือน

  • เบื่อก็เปลี่ยนที่นั่งไม่ได้
  • เปลี่ยนบรรยากาศรอบตัวไม่ได้
  • เลือกอาหารหรือราคากาแฟได้ค่อนข้างจำกัด
  • เลือกที่จอดรถหรือการเดินทางไม่ได้ 

โดยส่วนตัวบรรยากาศในที่ทำงานก็พอรับได้  สิ่งที่ชอบคือ ขอ Space เก็บของเยอะๆ เพราะเอกสารเยอะ ของส่วนตัวเยอะ ชอบสะสมของ กับเบื่อง่าย หิวง่าย เลยต้องการที่ทำงานที่มีของกินโดยรอบบ้างหน่อย อาหารกลางวันมีทางเลือกสูง หลายระดับราคา ถูกบ้างแพงบ้างผสมกัน

ตอนมาจัดโต๊ะทำงานวันเสาร์
บางส่วนของ ของตกแต่ง บนโต๊ะ (ชอบสีเขียว?)
ท่าทางการทำงานตามปรกติ  (หรอ)


ปัญหาที่มีนิดหน่อย คือ บางช่วงของเวลาทำงาน ต้องการความเงียบ สมาธิ แล้วโต๊ะที่ทำงานค่อนข้างหนวกหู เสียงคนคุยกัน คนเดินผ่าน สุดท้ายทางออก ก็จำเป็นต้อง ยอมทำงานหลังเลิกงานที่คนอื่นกลับบ้านไปแล้ว เพราะด้วยตัวงานเอง ก็ไม่สะดวก และไม่เหมาะสม ที่จะหอบงานที่เป็นความลับบริษัทกลับไปทำงานที่บ้าน นั่งทำงานเงียบๆคนเดียวตอนเย็นสะดวกกว่า

ชีวิตคนเรา ทุกทางเลือก มันคือการยอมรับข้อดีข้อเสียของบางสิ่งบางอย่างนะครับ



แถม....


คอสเพลย์ช่วงน้ำท่วม เป็นมาริโอ้ตอนกินเห็ดแล้ว

Friday, November 8, 2013

Money VS Happyness

จริงๆก็ไม่รู้จะหาข้อมูลจากไหน  เลยเอามาจากกราฟนี้แล้วกัน น่าจะใกล้เคียงกัน (รายได้ครอบครัว ต่อความสุข)   จากกราฟพอจะเดาได้ว่า 
  • มีเงินมากขึ้น ความสุขก็มีมากขึ้น
  • ช่วงแรก ยิ่งมีเงินเพิ่มขึ้น ความสุขก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • ช่วงหลังๆ มีเงินมากขึ้นหน่อย ความสุขยิ่งไม่แยกต่าง


ดังนั้น เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง เราคงเห็นคนทำงานเพื่อสิ่งอื่นที่ไม่ใช่เพื่อเงินมากยิ่งขึ้้น
เพราะเงินไม่ได้สร้างความสุขให้เขาเท่าไรแล้ว
เช่น ทำเพื่อ Work-life balance  ทำเพื่อสังคม ทำเพื่อชื่อเสียง ทำเพื่อชาติ(?) 
ไม่เช่นนั้น พอถึงจุดๆหนึ่ง เราจะมีความสุขขึ้นถ้ารู้จักพอ

โดยส่วนตัวยังเชื่อในทฤษฏีที่ว่า เราจะมีความสุขเมื่อเห็นคนอื่นมีความสุข
ดังนั้น พอมีเงินถึงระดับหนึ่ง เราจจะต้องเพิ่มความสุขโดยการทำให้คนอื่นมีความสุขบ้าง
(แบบ Bill gates ที่บริจาคเงินตั้งกองทุน Bill & Melinda Gates Foundation แล้วแหละ)


ป.ล.  ใครอยากแบ่งความสุขให้ผมบ้่างก็ยินดีนะครับ


Wednesday, November 6, 2013

unfair coin

สมมุติว่ามีเหรียญ 1 เหรียญ ที่มีโอกาสออกหัวก้อย 60/40
เราจะมีวิธีการอย่างไรที่จะทำไปใช้ทอยให้ได้  50/50

ก็ไม่ยาก เช่น

ทอย 2 ครั้งติดกัน เหรียญเดิม

                             โอกาส             การกระทำ
หัว-หัว                    .36                    ทอยใหม่
หัว-ก้อย                 .24                       TRUE
ก้อย-หัว                 .24                       FALSE
ก้อย-ก้อย               .16                    ทอยใหม่

แม้ว่าบางอย่างในชีวิตจะไม่ Fair  เราก็ทำให้มัน Fair ได้บ้างถ้าใช้สมอง
ชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นรนกันไปนะครับ   

Monday, November 4, 2013

สัมมาทิฏฐิ ทองเนื้อเก้า อุบกขา

สัมมาทิฏฐิ คือ ปัญญาเห็นชอบ หมายถึง การปฏิบัติอย่างเหมาะสมตามความเป็นจริงด้วยปัญญา
สัมมาทิฏฐิ  ได้แก่ ความรู้อริยสัจ ๔ หรือ เห็นไตรลักษณ์ หรือ รู้อกุศลและอกุศลมูลกับกุศลและกุศลมูล หรือเห็นปฏิจจสมุปบาท เป็นธรรมข้อแรกของมรรคมีองค์ ๘
ปัจจัยให้เกิดสัมมาทิฏฐิ ๒ (ทางเกิดแห่งแนวคิดที่ถูกต้อง, ต้นทางของความดีงามทั้งปวง : sources or conditions for the arising of right view)
๑. ปรโตโมสะ (เสียงจากผู้อื่น การกระตุ้นหรือชักจูงจากภายนอก คือ การรับฟังคำแนะนำสั่งสอน เล่าเรียนความรู้ สนทนาซักถาม ฟังคำบอกเล่าชักจูงของผู้อื่น โดยเฉพาะการสดับสัทธรรมจากท่านผู้เป็นกัลยาณมิตร : another’ s utterance; inducement by others; hearing or learning from others)
๒. โยนิโสมนสิการ (การใช้ความคิดถูกวิธี ความรู้จักคิด คิดเป็น คือกระทำในใจโดยแยบคาย มองสิ่งทั้งหลายด้วยความคิดพิจารณา รู้จักสืบสาวหาเหตุผล แยกแยะสิ่งนั้น ๆ หรือปัญหานั้น ๆ ออก ให้เห็นตามสภาวะและตามความสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย

อ่านเนื้อเรื่องย่อของเรื่อง "ทองเนื้อเก้า" แล้วนึกถึง ตัวละครหลัก 2 ตัว คือ ลำยอง และ วันเฉลิม

ลำยอง เชื่อมั่นในรูปสมบัติตัวเอง  และเชื่อในคำพูดของหมอดู ที่บอกว่า ตัวเองเป็นนางฟ้ามาเกิด และจะได้เทพบุตรมาเป็นคู่ ทำให้เจริญรุ่งเรือง ทำให้ลำยอง หลงในรูปร่างหน้าตา ไม่ทำมาหากิน กลัวลำบาก  และ รอผู้ชายที่จะมาทำคำทำนายให้เป็นจริงๆ   ลำยองเลยรอผู้ชายตามคำทำนายมาตลอด ทำตัวติดเหล้า ติดพนัน เพราะเชื่อในโชค รักสบาย  เชื่อในมิจฉาทิฏฐิ ขาดโยนิโยมนสิการ และ ปรโตโมสะ

วันเฉลิม เชื่อในคำสอนของพระ เรื่องความกตัญญู อยากจะเป็นคนกตัญญูกับแม่ โดยไม่สนใจว่าจะทำให้ตัวเอง หรือ คนอื่นเดือดร้อน ทุกข์ใจ หรือ ตัวเองมีกำลังหรือไม่   แม้ว่าจะยิดติดกับความกตัญญู แต่ก็ถือได้ว่า ขาดโยนิโสมนสิการ และขาด ปรโตโมสะ เช่นกัน ทำให้ไม่เกิดสัมมาทิฏฐิ แม้ว่าจะเป็นคนดี  หรือ ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง วันเฉลิมก็ไม่มีพรหมวิหาร4  โดยเฉพาะข้อ อุเบขา

อุเบกขา (ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามที่พิจารณาเห็นด้วยปัญญา คือมีจิตเรียบตรงเที่ยงธรรมดุจตราชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง พิจารณาเห็นกรรมที่สัตว์ทั้งหลายกระทำแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว สมควรแก่เหตุอันตนประกอบ พร้อมที่จะวินิจฉัยและปฏิบัติไปตามธรรม รวมทั้งรู้จักวางเฉยสงบใจมองดู ในเมื่อไม่มีกิจที่ควรทำ เพราะเขารับผิดชอบตนได้ดีแล้ว เขาสมควรรับผิดชอบตนเอง หรือเขาควรได้รับผลอันสมกับความรับผิดชอบของตน - equanimity; neutrality; poise)


จริงๆก็ไม่รู้ว่า ผมเองจะดำเนินชีวิตได้ถูกต้องหรือไม่อย่างไร เพราะทั้ง สัมมาทิฏฐิ และ อุเบกขา ล้วนแต่ต้องมีปัญญาทั้งนั้น    :(

ดูดวง

ดูดวง........ (ห้ามอ่านว่า "ดูด-วง")


วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2556
เกิดวันเสาร์การงานนั้นยังหนัก เป็นวันลงแรงหนัก และคุณต้องลุยด้วยตัวเอง ระวังเรื่องพูดจาด้วย อย่าไปชนกับใครเลย ไม่ดีกับคุณ เพราะต่างคนต่างแข็งจะแตกหักกันง่ายมาก ซึ่งคุณจะเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ เสียชื่อได้ง่าย ยิ่งถ้ามีเรื่องรักใคร่เข้ามาเกี่ยวพันเตรียมถูกขาเม้าท์ถล่มไว้เลยน้อง แต่การประสานงานยังดีอยู่ จะได้ข้อตกลงสัญญาใหม่ๆทางการเงิน ที่เป็นดังปรารถนา

 ดูดวงตอน 20.30 น. แล้วรู้สึกว่าที่เขียนมามันไม่แม่นเลย วันนี้พักผ่อนเป็นส่วนใหญ่ คุยกับเพื่อนเกือบทั้งวัน ไม่ได้ประสานงานหรือเซ็นสัญญาทางการเงินใดๆ นอกจากรูดบัตรเครดิต

แปลกดีว่าเคยอ่านดวงในหนังสือพิมพ์ตอนเช้าๆแล้ว รู้สึกมีความหวังว่ามันจะแม่น วันนี้ต้องทำงานหนัก  แต่พอมาอ่านตอนเย็นๆแล้ว รู้สึกคนละอย่างไปเลย

ก็ลอง backtesting ดวงรายวันตอนเย็นดูหลายวันหน่อยละกัน ถ้าแม่นหลายๆวันติด แล้วค่อยกลับมาเชื่ออีกครั้ง